สินทรัพย์เพื่อการลงทุน หรือ Investment Asset คือสิ่งที่นักลงทุนมักเกิดคำถามถึงความคุ้มค่า และโอกาสในการลงทุน เพราะคำถามแรกของการลงทุนมักเป็น ลงทุนอะไรดี
- สินทรัพย์เพื่อการลงทุนแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือสินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Physical Asset) และสินทรัพย์ทางการเงิน (Financial Asset)
- นักลงทุนในรูปแบบที่แตกต่างกัน ก็จะมีสไตล์การลงทุนที่แตกต่างกันไปด้วย โดยนักลงทุนแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลักๆ คือ Guardian, Individualist, Celebrity, Adventurer
- นักลงทุนทั้ง 4 กลุ่ม จะมีวิธีเลือกสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่แตกต่างกัน และมีความคาดหวังในการลงทุนต่างกันด้วย
สินทรัพย์เพื่อการลงทุนคืออะไร เลือกสินทรัพย์อย่างไรให้เหมาะกับเรา
“สินทรัพย์เพื่อการลงทุน” เป็นคำหนึ่งที่นักลงทุนทุกคนต้องเคยได้ยิน รวมถึงโฟกัสไปที่มันเป็นสิ่งแรกๆ เพื่อตัดสินใจว่าจะลงทุนอะไรดี ซึ่งสินทรัพย์เพื่อการลงทุนแบ่งออกได้ตามปัจจัยต่างๆ เป็นหลายแบบ และเหมาะกับกลุ่มนักลงทุนที่แตกต่างกัน เพราะจะสัมพันธ์กับความสามารถในการรับความเสี่ยง ผลตอบแทน ระยะเวลาในการลงทุนที่แตกต่างกันไปด้วย เพื่อให้การตัดสินใจของนักลงทุนเป็นไปอย่างรอบด้านที่สุด เพียร์ พาวเวอร์ จึงนำเรื่องเกี่ยวกับสินทรัพย์เพื่อการลงทุนมาขยายความ
สินทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment Asset) คืออะไร
ความหมายของสินทรัพย์เพื่อการลงทุนสามารถพูดได้กว้างๆ คือเป็นสิ่งที่ลงทุนไปแล้วสร้างผลตอบแทนให้กับผู้เป็นเจ้าของได้ โดยปกติแล้วแบ่งออกได้ด้วยหลายหลักเกณฑ์ แต่มักจะนิยมแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
สินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Physical Asset)
คือสิ่งของที่มองเห็น จับต้องได้ ซื้อขายได้มีการส่งมอบซื้อขายสินค้ากันเป็นชิ้นเป็นอัน สามารถทำกำไรหรือขาดทุนจากสินทรัพย์ชิ้นนั้นๆ ได้เลย ซึ่งจะแบ่งย่อยลงไปเป็น
- สังหาริมทรัพย์ สินทรัพย์ที่เคลื่อนย้ายได้ เช่นรถยนต์ ของสะสมต่างๆ ทองคำ นาฬิกา กระเป๋าแบรนด์เนม ของตกแต่งบ้าน
- อสังหาริมทรัพย์ สินทรัพย์ที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ เช่นที่ดิน คอนโดมิเนียม บ้าน บ้านพักตากอากาศ
สินทรัพย์ทางการเงิน (Financial Asset)
คือผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันในลักษณะของสัญญา สิทธิ เงื่อนไข ต่าง ๆ ซึ่งมีผลตอบแทนจากการซื้อผลิตภัณฑ์นั้นเป็นเงิน สามารถแยกย่อยออกไปตามตลาดของสินทรัพย์เพื่อการลงทุนนั้น คือ
- สินทรัพย์ทางการเงินในตลาดเงิน คือผลิตภัณฑ์ประเภทที่ซื้อแล้วให้ผลตอบแทนเป็นเงินอย่างเดียว เช่นการฝากออมทรัพย์ ฝากประจำ ตัวแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นต้น
- สินทรัพย์ทางการเงินในตลาดทุน คือผลิตภัณฑ์ประเภทที่ซื้อแล้วได้ผลตอบแทนเป็นสิทธิ สัญญา การปันผล เช่นตราสารหนี้ หุ้นกู้ หุ้น หน่วยลงทุนต่างๆ ตราสารสิทธิ(อนุพันธ์)
ทั้งหมดนี้คือการลงทุนแบบทางตรง หมายถึงการลงทุนแบบที่ซื้อเองขายเองทั้งหมด จบกระบวนการการลงทุนด้วยการตัดสินใจโดยนักลงทุนเอง ซึ่งการลงทุนประเภทนี้ต้องใช้เงินเยอะมาก เช่นถ้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ก็ต้องซื้อคอนโดมิเนียมหรือบ้าน 1 หลังเพื่อลงทุน ซื้อหุ้นกู้ก็ต้องมีขั้นต่ำ 100,000 บาท หรือ 100 หน่วยลงทุน สำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการลงทุนก้อนใหญ่ๆ ในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่ง จะมีตัวเลือกการลงทุนอีกแบบที่น่าสนใจ คือการลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ที่แตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของการลงทุนนั้นๆ มูลค่าต่อหน่วยลงทุนไม่สูงมาก และเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี
สินทรัพย์เพื่อการลงทุนแต่ละประเภท ให้ผลตอบแทนอย่างไร
สินทรัพย์ประเภทจับต้องได้ (Physical Asset)
- อสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน คอนโดมิเนียม การเลือกอสังหาริมทรัพย์เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนให้ผลตอบแทนได้ในระยะยาว และมีมูลค่าขึ้นอยู่กับทำเลและราคากลาง โดยจะให้ผลตอบแทนได้ราวๆ ปีละ 7 - 10% แต่มีข้อเสียคือมีสภาพคล่องต่ำ
- สังหาริมทรัพย์ สินทรัพย์ประเภทข้าวของมีค่าไม่ว่าจะเป็นทองคำ แบรนด์เนม งานศิลปะ สภาพคล่องขึ้นอยู่กับราคากลาง และความนิยม ณ ขณะนั้น และเป็นสินค้าที่ต้องมีความรู้เชิงลึกในของที่จะลงทุนจริงๆ การลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทนราวๆ 4.95% ต่อปี ในขณะที่ของสะสมอาจให้ผลตอบแทนได้สูงถึง 11%
สินทรัพย์ทางการเงิน (Financial Asset)
- สินทรัพย์ทางการเงินในตลาดเงิน ถือเป็นสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนไม่มากนัก ไม่ว่าจะเป็นฝากประจำ ตั๋วเงินสด ตั๋วและเงิน ให้ผลตอบแทนราวๆ 4%
- สินทรัพย์ทางการเงินในตลาดทุน เป็นตลาดสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่มีความหลากหลายมาก ทั้งหุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล ตราสารทุน(หุ้น) ตราสารสิทธิ(อนุพันธ์) ผลตอบแทนมีได้ตั้งแต่ 3 - 4% - 12% ตามความเสี่ยงในการลงทุน
สินทรัพย์เพื่อการลงทุนประเภทไหน เหมาะกับนักลงทุนแบบใด
การรู้จักประเภทของสินทรัพย์เพื่อการลงทุน จะนำไปสู่คำตอบว่านักลงทุนควรเลือกลงทุนกับสินทรัพย์เพื่อการลงทุนประเภทใด โดยประเภทของนักลงทุนสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ตามวัตถุประสงค์การลงทุน และความเสี่ยงที่รับได้ดังต่อไปนี้
เลือกสินทรัพย์การลงทุนที่ปลอดภัย Guardian
เลือกลงทุนที่ความเสี่ยงน้อย และค่อนข้างแน่นอนว่าให้ผลตอบแทนดี เช่นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนประเภทเงินฝากประจำ พันธบัตรรัฐบาล หรือถ้าเป็นหุ้นก็เป็นหุ้นกลุ่มที่มีพื้นฐานดี
เลือกสินทรัพย์การลงทุนแบบศึกษามาดีแล้ว Individualist
เป็นนักลงทุนกลุ่มที่จะใช้เวลาในการศึกษาด้วยตัวเองจนแน่ใจว่าสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ตัวเองเลือกนั้นให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะเวลาที่เหมาะสม และมีความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้ สินทรัพย์เพื่อการลงทุนสำหรับกลุ่มนี้จึงเป็นไปได้ทุกอย่าง ที่ผ่านการศึกษามาแล้วว่าดี และมีโอกาสทำเงิน
เลือกสินทรัพย์การลงทุนแบบแฟชั่นตามกระแส Celebrity
ลงทุนแบบมุ่งผลตอบแทนและสิ่งที่คนกำลังนิยมอยู่ สินทรัพย์ที่นักลงทุนกลุ่มนี้จะลงทุนจึงมีความหลากหลายมาก เค้านิยมซื้อคอนโดปล่อยเช่าก็เอาด้วย นิยมลงทุนบิตคอยน์ก็เอาด้วย นักลงทุนแนวนี้จะไม่ค่อยกังวลเรื่องความเสี่ยงเมื่อขาดทุน แต่จะกลัวลงทุนไม่ทันมากกว่า
เลือกสินทรัพย์การลงทุนแบบกล้าได้กล้าเสีย Adventurer
นักลงทุนกลุ่มนี้จะกล้าลงทุนและตัดสินใจไม่นานเพราะรับความเสี่ยงได้สูงมาก และมั่นใจว่าสินทรัพย์ที่ตนเองลงทุนไปจะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะเวลาที่ต้องการ ซึ่งกลุ่มนี้จะแตกต่างจากกลุ่ม Celebrity ตรงที่รู้ข้อดีข้อเสียอยู่แล้ว จึงกล้าที่จะตัดสินใจในเวลาอันรวดเร็วการเลือกสินทรัพย์เพื่อการลงทุน ส่งผลต่อการลงทุนทั้งระบบ ทั้งด้านความเสี่ยง ผลตอบแทน มูลค่าหน่วยลงทุน การลงทุนกับเพียร์ พาวเวอร์ ถือเป็นการลงทุนกับสินทรัพย์ทางการเงินรูปแบบหนึ่ง ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดได้ถึงปีละ 11.4% ถ้ากำลังมองหาการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะสั้น นี่ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
______________________________________________________________________________________
คำเตือน : การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงผ่านเพียร์ พาวเวอร์ เป็นการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอทั้งด้านความเสี่ยง และความสามารถในการตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง ความเสี่ยงในที่นี้หมายถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของหลักทรัพย์และความเสี่ยงในการสูญเสียเงินจากการลงทุน การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน นักลงทุนจะสามารถเริ่มลงทุนได้ต่อก็ต่อเมื่อนักลงทุนทำการลงทะเบียนและผ่านแบบประเมินความรู้ความเข้าใจในการลงทุนแล้ว