Private Assets และการลงทุนในคราวด์ฟันดิงเพื่อหนีความผันผวนตลาดหุ้น
ขอต้อนรับสู่ Investment 101: รู้จักคราวด์ฟันดิงเบื้องต้น คอลลัมน์พิเศษที่เราจะมาพูดคุยและเจาะประเด็นพื้นฐานของสินทรัพย์ที่เรียกว่า “คราวด์ฟันดิง” ให้นักลงทุนได้อ่านศึกษา
ครั้งที่แล้วเราได้อธิบายถึง ข้อดีของหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ไปว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งคุณสมบัติข้อหนึ่งที่จัดว่าเป็นจุดแข็งของหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเลยคือ “ความไม่ผันผวนตามตลาด” สิ่งนี้เองที่ทำให้นักลงทุนหลายรายทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำจากการลงทุนที่ผ่านมา
ดังนั้นบล็อกนี้เราเลยจะมาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่า อะไรคือเหตุผลที่ทำให้หุ้นกู้คราวด์ฟันดิงไม่ผันผวนตามตลาด และอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนนอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Assets) อีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่มาแรงในปีที่ผ่านมา
ความผันผวน สิ่งที่ต้องเจอเมื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
พอนึกถึงการลงทุนคนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงหุ้นหรือกองทุนที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันในตลาด พวกนี้เรียกว่า “Public Asset” หรือสินทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ผลตอบแทนของสินทรัพย์พวกนี้จะปรับตัวตามกลไกตลาดและมีราคา mark to market (อารมณ์ประมาณราคากลางตลาด) ดังนั้นเมื่อเจอเหตุการณ์ เช่น การขึ้นอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ การเมือง หรือแม้กระทั่งการเทขายเพื่อเก็งกำไร ผลตอบแทนเลยจะปรับตัวขึ้น-ลง ผันผวนตามปัจจัยที่เปลี่ยนไป
ประเด็นคือปัจจัยพวกนี้เป็นสิ่งที่ยากจะควบคุม ดังนั้นเพื่อหนีจากตลาดหุ้นที่ผันผวนนักลงทุนบางส่วนเลยมองหาสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ ที่ไม่ผันผวนตามตลาดมาเสริมพอร์ตของตัวเอง
ลงทุนอะไรดีเมื่อเศรษฐกิจผันผวน
3 สิ่งหลัก ๆ ที่คนมักหันไปลงทุนเมื่อเศรษฐกินผันผวนคือ
- ทอง
- อสังหาริมทรัพย์
- Private Assets หรือ สินทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์
สองอย่างแรกหลายคนคงคุ้นชิน แต่ถึงแม้ทองกับอสังหาจะเป็นที่ต้องการของตลาด จริง ๆ แล้ว มันยังมีข้อเสียอยู่ คือ สองอย่างนี้เป็นเงินเย็นมาก ๆ และต้องใช้เวลาลงทุนนานถึงจะทำกำไร ซึ่งถ้าพิจารณาจุดนี้แล้วยังมีตัวเลือกอื่นอีกที่สามารถทดแทนได้
ทองกับอสังหาริมทรัพย์เหมาะเป็นสินทรัพย์สำหรับถือ เพราะสองอย่างนี้จะทำกำไรได้ก็ต่อเมื่อมีส่วนต่างจากราคาซื้อ-ขายเท่านั้น ไม่จ่ายดอกเบี้ย และไม่มีปันผล และโดยธรรมชาติเมื่อทองและอสังหาริมทรัพย์เป็นของที่ “ราคาเสถียร” การทำกำไรระยะสั้นจึงเป็นเรื่องยาก ช่วงลงทุนเวลาการลงทุนจึงนานตาม
ดังนั้นเพื่อกลบข้อด้อยและเสริมพอร์ตทำกำไร ทางเลือกที่นักลงทุนให้ความสนใจจึงเป็น “สินทรัพย์ที่ไม่ผันผวน แต่ระยะเวลาลงทุนสั้น และจ่ายดอกเบี้ยระหว่างการลงทุน” ซึ่งคอนเซ็ปท์นี้เลยไปตรงกับ private asstes หรือ คราวด์ฟันดิง พอดิบพอดี
Private Assets หรือ การลงทุนนอกตลาดหลักทรัพย์ คืออะไร ?
Private Assets คือ สินทรัพย์นอกตลาด ออกโดยบริษัทที่ไม่ได้ลิสต์หรือจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับ performance ของบริษัทล้วน ๆ ไม่ผูกกับปัจจัยตลาด ไม่มีราคา mark to market ดังนั้นต่อให้ตลาดหุ้นจะเหวี่ยงเท่าไหร่สินทรัพย์พวกนี้ก็จะไม่เหวี่ยงตาม โดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ คือ
- Private Equity หุ้นนอกตลาด (อันนี้มีหุ้นคราวด์ฟันดิงรวมอยู่)
- Private Real Assets อสังหาริมทรัพย์นอกตลาด
- Private Debt หรือ Private Credit การปล่อยกู้โดยตรงกับบริษัทเอกชน (หุ้นกู้คราวด์ฟันดิงอยู่หมวดนี้)
ตัวอย่างของ private assets ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินคือ กองทุน Yale’s Endowment ที่ลงทุนในหุ้นนอกตลาดและกองทุน hedge fund ในสัดส่วนที่มากถึง 40% มีรายงานว่าปีที่แล้วแม้เศรษฐกิจของอเมริกาจะตกต่ำ (อย่างที่ Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ยหลายครั้งติดกันในรอบปีที่ผ่านมา) แต่ผลตอบแทนของกองทุนนี้ก็ยังเป็นบวกอยู่ที่ราว 0.8% ฟังดูแล้วดูน้อยมาก แต่ความถ้าเทียบเป็นเงินก็จะสูงถึง 266 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9.6 พันล้านบาทไทย ชนะเงินเฟ้อปีนั้นแบบขาดลอย
ก่อนหน้านี้สินทรัพย์เหล่านี้จะมีข้อจำกัดคือ ส่วนใหญ่มักเสนอขายให้กับบุคคลในวงจำกัดเพราะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการลงทุน
กรณีอย่าง private equity หรือ private real assets ที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุนที่สามารถเป็นเจ้าของได้อาจเป็นคนเฉพาะกลุ่ม เช่น นักลงทุนสถาบันหรือลงทุนรายใหญ่พิเศษ Ultra High Net Worth (อ่านประเภทนักลงทุนได้ที่นี่) แต่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีการลงทุนฟินเทคที่ก้าวหน้าขึ้น การลงทุนใน private assets จึงสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน และไม่ได้จำกัดแค่คนเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป
คราวด์ฟันดิง การลงทุนใน Private Assets ในรูปแบบของหุ้นและหุ้นกู้นอกตลาดหลักทรัพย์
คราวด์ฟันดิง คือการลงทุนให้บริษัทกู้เงินกับนักลงทุนโดยตรง เป็นการกู้ยืมนอกตลาดแต่มีแพลตฟอร์มตัวกลางเป็นผู้บริหารจัดการและดูแลผลประโยชน์ มีลักษณะเหมือน private debt หรือ private equity ตรงที่นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยจากการลงทุนในเงินต้น หรือเงินปันผลตามสัดส่วนที่ลงทุนในครั้งแรก
ข้อดีของการลงทุนประเภทนี้ คือมีความผันผวนต่ำจึงเหมาะเป็นสินทรัพย์กระจายความเสี่ยง
กรณีของ หุ้นคราวด์ฟันดิง (Equity Crowdfunding) นักลงทุนจะได้เป็นคนกลุ่มแรก ๆ ที่ได้ลงทุนในบริษัทที่มีโอกาสเติบโตสูง และจะได้ผลตอบแทนเป็น "เงินปันผล" หรือ "กำไร"
กรณีของ หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง (Debt Crowdfunding) ลักษณะการลงทุนคือการเป็น เจ้าหนี้ รูปแบบการลงทุนจึงซับซ้อนน้อยกว่าการลงทุนใน private assets ประเภทอื่น ๆ
นอกจากนั้นหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงยังจ่ายผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยรายเดือน จึงเป็นการสร้างกระแสเงินสดให้นักลงทุนได้อย่างดี (อ่านความแตกต่างของ อ่านระหว่าง "หุ้นคราวด์ฟันดิง" และ "หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง" ได้จากบล็อกนี้)
ในแง่ของต้นทุนในการลงทุนถ้าเทียบกับ private assets ประเภทอื่นแล้ว แล้วก็จัดว่าราคาต่ำกว่า กรณีของ PeerPower การลงทุนในคราวด์ฟันดิงจะเริ่มต้นที่ 20,000 บาท นักลงทุนรายย่อยก็สามารถเปิดบัญชีลงทุนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น
คราวด์ฟันดิงและคำถามที่นักลงทุนยังสงสัยเกี่ยวกับความเสี่ยง
แม้จะไม่ผันผวนตามตลาดแต่สินทรัพย์นี้ก็ยังมีความเสี่ยง สิ่งที่นักลงทุนส่วนมากยังไม่เข้าใจคือ
- ระยะเวลาการลงทุน คราวด์ฟันดิงมีระยะลงทุนอยู่ที่ราว 3 เดือน ถึง 2 ปี ช่วงถือลงทุนถือว่าสั้นกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ
- สภาพคล่อง เพราะเป็น private asstes ปัจจุบันทั้ง "หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง" และ "หุ้นคราวด์ฟันดิง" จึงไม่มีตลาดรองการซื้อขายจะต้องผ่านแพลตฟอร์มผู้ให้บริการเท่านั้น รายละเอียดขั้นตอนอ่านได้ที่นี่
- ข้อมูลบริษัทและการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Scoring) ศักยภาพของบริษัทที่เสนอขายสินทรัพย์คราวด์ฟันดิงจะถูกประเมินโดยแพลตฟอร์มผู้ให้บริการ ไม่ได้ผ่านบริษัทจัดเรทติ้ง แต่ละแพลตฟอร์มจะมีเกณฑ์การประเมินต่างกัน กรณีของ PeerPower ผู้เชี่ยวชาญด้านเครดิตจะตรวจสอบงบการเงินและประวัติของบริษัททุกครั้งก่อนนำหุ้นกู้เสนอขาย โดยข้อมูลที่ใช้จะสืบค้นจาก data base ของข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ที่ PeerPower เป็นสมาชิก ซึ่งทั้งหมดจะถูกสรุปเป็นหนังสือชี้ชวนให้นักลงทุนพิจารณาก่อนลงทุนทุกครั้ง
- ความเสี่ยงจากการผิดชำระหนี้ กรณีนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในการลงทุนลักษณะการเป็นเจ้าหนี้ ซึ่งกรณีนี้อาจนำไปสู่การขอปรับโครงสร้างหนี้หรือขอจ่ายช้า นักลงทุนสามารถศึกษาเพิ่มเติมกรณีที่หุ้นกู้จ่ายช้าได้จากบล็อกนี้
ถ้าพิจารณาทั้งหมดแล้วจะเห็นว่าการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดไม่ได้ยากหรือซับซ้อนอย่างที่คิด และยิ่งพิจารณาว่ามีความผันผวนต่ำกว่าตลาดหุ้นด้วยแล้วก็อาจเป็นตัวเลือกหนึ่งที่นักลงทุนสามารถลงทุนได้
บล็อกหน้าเราจะเอาเรื่องอะไรมาเล่าให้ฟังอีก โปรดรอติดตาม