สินทรัพย์ผสม (Multi Asset Class) ได้รับความนิยมมากขึ้นจากนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจโลกมีความผันผวน โดยมีทั้งแบบลงทุนโดยตรงและแบบลงทุนผ่านกองทุนรวม โดยเรียกว่า กองทุนรวมแบบผสม(Multi Asset Fund)
- การลงทุนในสินทรัพย์ผสมโดยตรงคือการกระจายการลงทุนในหลายๆ สินทรัพย์ เช่น ลงทุนในตราสารชนิดต่างๆ เงินสด ลงทุนในการเป็นผู้รับผลประโยชน์ (Equity) หรือ ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
- การลงทุนในกองทุนรวมแบบผสม จะเป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุกชนิด ทั้งที่มีความเสี่ยงระดับต่ำเช่นตราสารหนี้รัฐบาลหรือพันธบัตร ไปจนถึงตราสารอนุพันธ์ที่มีความเสี่ยงสูง
- การลงทุนแบบเชิงรุก(Aggressive) ในสินทรัพย์ผสม คือลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนทางทางมูลค่าอย่างรวดเร็ว เช่นหุ้นในปริมาณที่มากกว่าสินทรัพย์อื่น
- การลงทุนเชิงรับ (Conservative) ในสินทรัพย์ผสม จะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อย เช่นพันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ (Fixed Income) ในสัดส่วนที่มากกว่าหุ้น
- ข้อดีที่สุดของการลงทุนในสินทรัพย์ผสมคือการปรับเปลี่ยนได้ตามทิศทางความเปลี่ยนแปลงของตลาด
สินทรัพย์ผสม (Multi Asset Class) การลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง
ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนแบบนี้ นักลงทุนหลายท่านคงเห็นประโยคว่า “Do not put all egg in one basket” บ่อยขึ้นแน่นอน เพราะแทบจะทุกครั้งที่มีการพูดถึงการกระจายความเสี่ยงทางการลงทุน เราก็จะเจอคำอธิบายนี้โผล่ขึ้นมาเสมอ PeerPower เชื่อว่านักลงทุนทุกคนเข้าใจแนวคิดนี้ดี และน่าจะมีคำถามต่อมาที่คล้ายกันคือ แล้วเราควรจะกระจายความเสี่ยงทางการลงทุนไปที่ไหนบ้าง เราขอเสนอการกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ผสม (Multi Asset Class)
สินทรัพย์ผสม (Multi Asset Class) คืออะไร
การลงทุนในสินทรัพย์ผสม (Multi Asset Class) เป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยการลงทุนในสินทรัพย์ผสม กับการลงทุนในกองทุนรวมแบบผสม (Multi Asset Fund) ในแง่วิธีการและสินทรัพย์ที่ลงทุน แต่คล้ายกันด้วยแนวคิดว่าไม่มีสินทรัพย์ชนิดใดจะปลอดภัยและให้ผลตอบแทนที่ดีตลอดไป จึงต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนให้น้อยลง
1. การลงทุนในสินทรัพย์ผสม (Multi Asset Class)
คือการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ กัน ทั้งในและต่างประเทศ โดยอาจลงทุนในตราสารต่างๆ เช่นพันธบัตร หุ้นกู้ หุ้น อนุพันธ์ พร้อมกับลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่นอสังหาริมทรัพย์ ลงทุนเพื่อการเป็นผู้รับผลประโยชน์ (Equity) เน้นความหลากหลายของประเภทสินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุน ซึ่งถือเป็นการลงทุนทางตรงกับสินทรัพย์นั้นๆ
2. การลงทุนในกองทุนรวมแบบผสม (Multi Asset Fund)
คือการลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบายในการลงทุนในตราสารทุกประเภท ทั้งในและต่างประเทศ โดยจะมีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ แตกต่างกัน โดยจะเหมือนกองทุนรวมเพียงแต่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ไม่ใช่ประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น และมีผู้จัดการกองทุนรับหน้าที่บริหารการลงทุนให้
สินทรัพย์ผสม (Multi Asset Class) มีรูปแบบการลงทุนอย่างไร
ลักษณะการลงทุนในสินทรัพย์ผสม จะเป็นการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ให้หลากหลายประเภทที่สุด เพื่อที่ว่าหากมีสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งที่ไม่ทำกำไรในขณะนั้น ในพอร์ตของนักลงทุนก็จะยังมีสินทรัพย์ตัวอื่นที่ยังทำกำไรได้อยู่ ซึ่งการลงทุนแบบนี้ในต่างประเทศแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือการลงทุนแบบเชิงรุก (Aggressive) และการลงทุนแบบเชิงรับ (Conservative) ซึ่งจะแตกต่างกันในแง่สัดส่วนการลงทุน
1. การลงทุนแบบเชิงรุก (Aggressive) ในสินทรัพย์ผสม
เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเปลี่ยนแปลงททางมูลค่าอย่างรวดเร็ว คือการลงทุนในหุ้น โดยอาจจะกระจายการลงทุนมากกว่า 85% หรือหมดทั้ง 100 % ไปลงทุนในหุ้นก็ได้ ในกรณีที่ 85 % ของพอร์ตนั้นเป็นหุ้น อีก 15 % ที่เหลือจึงจะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ (Fixed Income) เช่นพันธบัตรรัฐบาล เงินสด หรือสิทธิในการเป็นผู้รับผลประโยชน์เป็นต้น
2. การลงทุนแบบเชิงรับ (Conservative) ในสินทรัพย์ผสม
จะลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ ครึ่งหนึ่งของพอร์ตที่ถืออยู่ทั้งหมด และจะลงทุนในหุ้นเพียง 30% หรือน้อยกว่านั้น ที่เหลือจึงเป็นสินทรัพย์อื่นๆ ที่อยู่ในตลาดเงินแบบดั้งเดิมเทียบกันแล้วการลงทุนเชิงรับย่อมได้รับผลตอบแทนสูงกว่า เพราะโอกาสในการทำกำไรจากหุ้นสูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ ในขณะเดียวกันผลตอบแทนที่มากกว่าก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากกว่า และมีการลงทุนด้านเวลาที่มากกว่าตามไปด้วย
สินทรัพย์ผสม (Multi Asset Class) กับการลงทุนเพื่อจุดประสงค์อื่น
เราจะพบว่ากองทุนรวมแบบผสมมีการลงทุนในสินทรัพย์ผสมมากขึ้น โดยมีจุดประสงค์ในการลงทุนอีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจ คือการวางแผนการลงทุนอบบกำหนดเวลา เช่น ต้องการรับผลตอบแทนเมื่อเกษียณ หรือต้องการรับผลตอบแทนโดยมีกำหนดระยะเวลาเป็น 20 ปีจากปัจจุบัน หรืออื่นๆ ซึ่งการลงทุนลักษณะนี้ มักเป็นการลงทุนเพื่อการเป็นผู้รับผลประโยชน์ (Equity) จากสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ ซึ่งจะเปลี่ยนการกระจายการลงทุนจาก Equity ไปเป็นผลตอบแทนคงที่เมื่อครบสัญญาทันที
สินทรัพย์ผสม (Multi Asset Class) มีประโยชน์ทางการลงทุนอย่างไร
การลงทุนประเภทนี้ ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดีและเป็นการมุ่งไปที่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ ผสมกับหุ้นและการจัดการที่แอคทีฟมาก ทำให้สินทรัพย์ผสมมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดี และลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนทั้งหมด
สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ผสม นักลงทุนจะลงทุนเองหรือลงทุนผ่านกองทุนรวมแบบผสมก็ได้การลงทุนเองจะทำให้ได้รับผลประโยชน์เต็ม ๆ และถ้ากระจายการลงทุนในประเภทสินทรัพย์ได้เหมาะสมกับเวลา ผลตอบแทนที่ได้ก็จะมากตามไปด้วย ในขณะที่การลงทุนผ่านกองทุนรวมแบบผสมเสี่ยงน้อยกว่า แต่ผลตอบแทนที่ได้รับก็จะเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยจากทุกสินทรัพย์ที่กองทุนนั้นลงทุน ซึ่งอาจจะน้อยกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพยืหนึ่งไปเลยก็ได้
_______________________________________________________________________
คำเตือน : การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงผ่านเพียร์ พาวเวอร์ เป็นการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอทั้งด้านความเสี่ยง และความสามารถในการตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง ความเสี่ยงในที่นี้หมายถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของหลักทรัพย์และความเสี่ยงในการสูญเสียเงินจากการลงทุน การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน นักลงทุนจะสามารถเริ่มลงทุนได้ต่อก็ต่อเมื่อนักลงทุนทำการลงทะเบียนและผ่านแบบประเมินความรู้ความเข้าใจในการลงทุนแล้ว